เขียนโดย ครูแชมป์
|
วันจันทร์ที่ 01 กันยายน 2014 เวลา 20:09 น. |
คิดดีๆนะ ก่อนที่จะเฮ.... . . เมื่อเช้า ดูข่าวเรื่องการบ้านเด็ก แล้วมีการวิพากษ์วิจารย์กันออกมาเยอะ บางคน ยกตัวอย่างสถิติประเทศนั้น ประเทศนี้ บอกว่า บางประเทศไม่มีการบ้าน ในขณะที่นักเรียนอีกประเทศหนึ่งต้องการทำการบ้าน เพราะจะได้เรียนรู้มากกว่าคนอื่น . . เรื่องนี้ มองได้ 2 มุม แล้วแต่คนจะมอง
แต่สำหรับคนเป็นครู การให้การบ้าน จะมองว่า เป็นการฝึกฝน
...ไม่รู้ ว่าใครจะให้มาก ให้น้อย เพราะเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่อยู่ในดุลพินิจของแต่ละบุคคล ไม่ควรก้าวก่าย
สำหรับเด็กบางประเทศ ที่เค้ายกตัวอย่างมา เค้าเอาข้อมูลมาไม่หมด เค้าไม่บอกว่า เด็กประเทศนั้นไม่มีการบ้านก็จริง แต่ตัวเด็ก ไปหาซื้อข้อสอบย้อนหลัง 5 ปี มานั่งทบทวน นั่งวิเคราะห์ว่า ปีนี้น่าจะออกแนวไหน แล้วไปค้นคว้าเพิ่มเติมกันเอง.... เด็กไทย มีไหม???
...ใครที่เป็นครู อาจจะเคยได้ยินคำพดที่ช่างน่าน้อยเนื้อต่ำใจ และน่าสงสารสมเพสที่ว่า "จบไป ก็ก็ไปทำนา จะเรียนอะไรนักหนา" นั่นคือโอกาสที่กำลังหลุดลอยไปของเด็กกลุ่มหนึ่ง มีผลทำให้เด็กกลุ่มนี้ เอาแค่จบ แต่ไม่เอาความรู้
ไหนๆ เด็กๆก็ชอบเล่นเกมกันอยู่แล้ว ก็ขอพูดประมาณเกมละกันนะครับ บางคนชอบเกมยิง คนที่เล่นเกมนี้ จะเกิดทักษะการตัดสินใจฉับพลัน ประสาทมือและสายตาจะไว แต่จะมีความรุนแรงแฝงมาด้วย
คนที่ชอบเล่นเกมวางแผน ก็จะรู้ว่า ควรทำอะไรก่อนหลัง หาจุดแข็ง จุดอ่อน เพื่อหน่วงเวลา พร้อมกับการเข้าตี (พวกนี้เจ้าเล่ห์)
คนที่ชอบเกมเก็บระดับ อัพเลเวล ก็จะรู้ว่า อะไรที่จะสามารถอัพระดับของตนเองได้ดี ไว เร็ว บางคนก็โกง ใช้เงินจริงซื้ออุปกรณ์ ซื้อระดับให้เพิ่มขึ้น (พวกนี้ไม่ชอบเสียเวลา ไม่สู้งาน แต่อยากได้เงินเดือนสูง)
บางคนชอบเกมประมาณทอยเต๋า แล้วให้ไปตกในตำแหน่งต่างๆ พวกนี้ไม่ใช้อะไร ใช้ดวงอย่างเดียว (ส่วนใหญ่ มักเล่นหวย เพราะชอบลุ้น)
อันนี้แค่คร่าวๆ ว่ากันไป แต่ที่พูด ไม่ได้โทษเกม แต่กำลังจะบอกว่า ทำไมไม่เอาทักษะเหล่านั้นมาใช้ในชีวิตประจำวันหละ ทั้งเรื่องของการวางแผน การตัดสินใจ การเพิ่มระดับ เพราะถ้าเอามาใช้กับชีวิตประจำวัน มันก็เกิดประโยชน์
ทีนี้ คนที่มีทักษะดี เค้าจะไม่คิดว่า การไม่มีการบ้านเป็นเรื่องที่ดี เพราะถ้าระหว่างทางไม่มีการสะสมแต้ม ไปสู้กับหัวหน้าทีเดียว ถ้าชนะก็ชนะเลย แพ้ก็แพ้เลย กลับไปเริ่มต้น 1 ใหม่
มันก็เหมือนกับว่า ระหว่างเทอม ไม่มีงานอะไรให้ครูเก็บคะแนนได้เลย มาสอบเอากันกลางภาค ปลายภาค แบบนั้นดีใช่ไหม???
...แล้วเราก็จะกลับไปสู่วังวนที่ว่า ทำไม เด็กไทยเรียนเพื่อสอบ ทำไมไม่พัฒนาเด็กระหว่างเรียน มันก็จะย้อนกลับไปทำแฟ้มสะสมงาน พอแฟ้มเยอะ งานเยอะ ก็ให้ลดงาน มันก็กลับมาที่การสอบอีกครั้ง
ปัญหานี้ มันแก้ไม่ยากหรอก มันอยู่ที่ความรับผิดชอบ...
มีเด็กบอกว่า ครู 1 วิชา สั่งการบ้าน วันนึง 7 - 8 วิชา แต่กลับไม่ย้อนดูว่า แล้วครู 1 คน สอนเด็กกี่ห้อง ห้องละกี่คน สั่งคนละ 1 ข้อ ต้องตรวจกี่ครั้ง เขียนปากกาหมดไปกี่กิโล
อาจจะเป็นการดีนะ ถ้าไม่ต้องมาตรวจงานเด็ก สบายๆ ตรวจทีเดียว สอบกลางภาค ปลายภาค
พลซุ่มยิง กว่าจะยิงนิ่ง ยิงแม่น ยิงแบบจับวาง เค้ายังฝึกทุกวัน ยิงปืนทุกวัน หัดคลานช้าๆ หัดแฝงตัว ไม่มีใครหน้าไหนที่จู่ๆ จะโพล่ไปรบโดยไม่ผ่านการฝึก
นักวิชาการที่ออกมาพูดปาวๆ เข้าสอน นศ.ปริญญาตรี ปริญญาโท เค้าสั่งงานหรือเปล่า อย่าสลิกนัก มาบอกว่า เค้าไม่เคยให้การบ้าน เค้าเคยให้แต่ นศ. ไปทำรายงานมานะ ทำวิทยานิพนธ์ ก็ไม่ต้องสืบค้นงานวิจัย ใช่ไหม ตอบหน่อย
ที่มาบ่น ไม่ใช่เพราะต่อต้าน แต่กำลังหวังดี มองว่า มันจะคุ้มไหม กับการทำลาย "ช่องทาง" หาคะแนนช่วยไม่ให้เด็กสอบตก ถ้าใครคิดว่า ไม่ต้องมาหวังดี ก็ตามสบายครับ ทางใครทางมัน
เอาง่ายๆ ถ้าเธอทำงานมาส่ง แล้วครูไม่กรอกคะแนนลงในช่องส่งรายงานฝ่ายวัดผล เธอจะเสียสิทธิไหม ถ้าครูทำอย่างนั้น ก็เท่ากับทำผิด ทั้งเรื่องของวินัย จรรยาบรรณ และคุณธรรม ในขณะเดียวกัน เด็กที่ไม่ส่งงาน กลับผิดเพียงอย่างเดียวคือ "ความรับผิดชอบ"
สรุปว่า ใครอยากมีคะแนนเก็บก็ทำไป
ใครอยากทบทวนความรู้ ก็ทำไป
ใครอยากสอบปลายภาคอย่างเดียว ก็สอบไป
...ส่วนครูไทย ใครสั่งมา ตรูก็ต้องทำตาม ใช่ปะ!!!
ขอบคุณครับ
ครูแชมป์ พิริยะ
|
แก้ไขล่าสุด ใน วันเสาร์ที่ 11 ตุลาคม 2014 เวลา 12:39 น. |