Currently browsing tag

ข้อเขียนการลงทุน

DCA ในกองทุนรวมแต่ติดลบควรทำอย่างไร

หากลงทุนแล้วติดลบเป็นเรื่องปกติโดยเฉพาะพวกกองต่างประเทศหรือพวกธีมเทคโนโลยีเพราะกองพวกนี้ผ่านจุดสูงสุดมาแล้ว แต่การติดลบแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน สิ่งสำคัญที่จะทำให้การติดลบน้อยลงคือระยะเวลาในการลงทุน หากกองทุนที่ DCA วิเคราะห์แล้วยังมองว่าสามารถไปต่อได้ เช่น กองนั้นลงทุนในหุ้นหรือตราสารอะไร ยังสามารถไปต่อได้หรือไม่ การ DCA จะกลายเป็นการถัวเฉลี่ยการลงทุน ทั้งนี้การขาดทุนติดแดงขึ้นอยู่กับเวลาที่เราเข้าด้วย เหมือนกับ กบข. ที่น้องๆที่บรรจุก่อนปี 63 จะมีผลตอบแทนมากกว่าลุงๆที่เข้า กบข. มาก่อนหน้า ดังนั้นลุงๆต้องศึกษาการลงทุน ปรับเปลี่ยนแผน และอาจต้องใช้เครื่องมืออื่นๆเพิ่มเติมจาก กบข.ควบคู่กันไป ครุแชมป์เคยอ่านความคิดของนักลงทุนแบบ DCA ท่าหนึ่งบอกว่า หากวันไหนกองเราเขียวเราถือว่าเราได้กำไร แต่ถ้าวันไหนกองเราแดงให้เราถือว่าซื้อของถูกแล้วเรากลับไปโฟกัสเป้าหมายในวันแรกที่เราจะเริ่มลงทุนกองทุนนี้ DCA ไม่ใช่เครื่องมือที่ดีที่สุด แต่เป็นเครื่องมือที่จะทำให้เรามีวินัยในการลงทุน สิ่งสำคัญคือต้องมีการวิเคราะห์แนวโน้มธีมเศรษฐกิจนั้นๆว่าจะยังไปต่อได้หรือไม่ สรุปแล้ว เงินทุน + เวลา + ความรู้ + วินัย = ความสำเร็จ  

“คำถามที่คุณต้องเป็นคนตอบ”

“คำถามที่คุณต้องเป็นคนตอบ” . สวัสดีครับ ขอทักทายในวันที่เป็นสีแดงๆ อาจมีเขียวบ้างเล็กน้อยถึงปานกลาง มีเหลืองบ้างเป็นหย่อมๆ 555 . เช่นเคยครับ ข้อเขียนนี้ไม่ใช่บทความทางวิชาการ ไม่มีงานวิจัยรองรับ และเป็นเพียงการบอกเล่าประสบการณ์อันน้อยนิดเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครับ โดยเขียนขึ้นเองไม่ได้ืนำมาจากที่ไหน (สามารถตรวจสอบได้โดยการนำข้อความท่อนใดท่อนหนึ่งไปค้นหาใน google) ทั้งนี้เพราะกลัวผิด พรบ.คอมพ์ และโดนฟ้องหาว่าไปหยิบหวยเขามา 30 ล้าน … เอ๊ะ คนละเรื่องละ 555 . หลายท่านอาจกำลังตั้งคำถามว่า เกิดอะไรขึ้นกับตลาดหุ้นซึ่งมีผลต่อกองทุนรวมของเรา หลายเดือนก่อนเขียวทำไมตอนนี้แด๊งงงง แดง อยากเรียนตามประสบการณ์ครับว่า ผมก็ผ่านจุดนี้มาแล้ว ช่วงนั้นเล่นเอาเครียดเลยเพราะเริ่มต้นครั้งแรก แต่พอผ่านจุดนี้ไปได้ หัวใจคุณจะแกร่งขึ้น ไม่หวั่นไหวต่อการผันแปรมากนัก . ทว่า กว่าจะถึงวันนั้นคุณอาจต้อง “เรียนรู้” และ “ยอมรับ” จะขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้ เพราะจะทำให้คุณขาด “ภูมิคุ้มกัน” . คุณมีสิทธิ์ที่จะสงสัย มีสิทธิ์ที่จะตั้งคำถาม และ…มีสิทธิ์ที่จะใช้วิจารณญานในการเชื่อข้อมูลจากใครก็ตามที่บอกคุณ เพราะสิ่งที่คุณจะตัดสินใจคือทรัพย์สินของคุณเอง คนอื่นไม่ได้กำไรหรือขาดทุนไปพร้อมกับคุณด้วย …

“บนเส้นทางเม่า”

“บนเส้นทางเม่า” ก่อนอื่นขอนำเรียนก่อนนะครับ ว่านี่เป็นเพียงขอเขียนบอกเล่าประสบการณ์ ไม่ได้มีน้ำหนักทางวิชาการหรือแนะนำใดๆ หากอ่านแล้วมีความขุ่นข้องประการใดก็กราบขออภัยล่วงหน้าครับ พอดีได้เข้าร่วมกลุ่มนี้มาสักพักแล้ว รู้สึกเป็นคนโชคดีที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมสังคมที่มีน้ำใจให้แก่กัน เพราะก่อนหน้านี้อาจมีบางกลุ่ม บางเว็บที่มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันแบบนี้ แต่ก็มีสมาชิกบางท่านได้ให้ความเห็นเชิงเหน็บ เช่น มีการตั้งกระทู้ว่า “อยากลงกองทุนต้องเริ่มอย่างไร” ก็จะมีบางท่านเข้าไปตอบว่า “ทำไมไม่รู้จักหาข้อมูลในเว็บ” หรือ “ทำไมต้องตั้งกระทู้ซ้ำๆ ทั้งๆที่มีคนตั้งไปหลายคนแล้ว ลองคลิกค้นหาไม่เป็นหรือไง” …หากเราเป็นผู้ตั้งกระทู้ เราจะรู้สึกอย่างไร ในเมื่อ เฮ้ย ก็เราเพิ่งเข้ามาในเว็บนี้ครั้งแรกนี่หว่า ใช้งานยังไม่คล่องนี่หว่า แล้วไอ้คนตอบนี่ เก่งตั้งแต่แรกเลยใช่ไหมหว่า ไม่เคยไปถามอะไรใครใช่ไหมหว่า 555 เรื่องแบบนี้เอาใจเขามาใส่ใจเรานะครับ นอกเรื่องมาเยอะเลย แค่อยากจะเล่าว่า ผมเริ่มเดินทางเข้าสู่เส้นทางเม่านี้ โดยเริ่มต้นเปิดพอร์ตหุ้นก่อน มานั่งนึกตอนหลังว่าเรานี่ลัดขั้นไปเยอะเลย เพราะตอนนั้นยังไม่มีใครเปิดกลุ่มพูดคุยหาข้อมูลแบบนี้ เงินลงทุนในตอนนั้นประมาณ 17,000 บาท แถมเป็นเงินที่ไปหยิบยืมมาด้วย …นี่คือหายนะของการลงทุน เพราะกฎข้อที่สองของการลงทุนคือ “ห้ามกู้เงินมาลงทุน” จากนั้นก็นึกยังไงไม่รู้เลยลองเข้าซื้อกองทุนรวม จำได้ว่าก่อนซื้อหาข้อมูลเยอะมาก เขามีเปิดบูธที่ห้างฯ ก็เข้าไปนั่งถามพี่คนหนึ่ง ท่านก็ใจดีมาก ผมถามเรื่องของโอกาสขาดทุน โอกาสเหมือนปี …

อยากปลดหนี้ ทำอย่างไรดี

6 ขั้นตอนแก้หนี้ ทำไม่ยากหากตั้งใจจริง ———————————————— หนี้สินรุงรังยังเป็นเรื่องปัญหาโลกแตกของคนไทย โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย แต่เชื่อไหม ปัญหาของคนเป็นหนี้ท่วมหัวจำนวนมาก ไม่ใช่มาจากรายได้น้อย แต่มาจากการขาดวินัยทางการเงิน ไม่ว่าจะยุคไหนสมัยไหนสาเหตุหลักๆ ก็เรื่องนี้ทั้งสิ้น การมีหนี้สินไม่ใช่สิ่งผิด หนี้ที่จำเป็นก็สามารถก่อได้ เช่นหนี้เพื่อการดำรงชีพ หนี้สินบ้าน รถที่จำเป็นต้องใช้ ให้พอเหมาะพอดีตามอัตภาพ แต่หลายคนมารู้เมื่อสายหนี้สินรุงรังพันตัวไปแล้ว สถานการณ์เช่นนี้จะหาทางออกได้อย่างไร ————————————————– หนี้ที่มี จะเป็นปัญหาหรือไม่ อยู่ที่คำว่าวินัย ถ้าเป็นหนี้แล้วรู้ตัวตลอดเวลา มีการบริหารจัดสรรการจ่ายคืนหนี้ และไม่ก่อหนี้ใหม่เกินตัว รู้จักประเมินตัวเอง รู้จักพอเพียง การมีหนี้ก็ไม่ใช่ปัญหา หนี้สินมีหลายแบบ คนเราเกิดมาไม่เท่ากัน บางคนไม่อยากเป็นหนี้แต่มีความจำเป็น แต่บางคนก็หาเรื่องใส่ตัวจริงๆ เพราะโลภ อยากได้ อยากมี และคิดว่าหนี้ไม่ใช่ปัญหา โดยไม่ประเมินกำลังความสามารถในการหาเงินหารายได้หรือชำระหนี้ของตัวเอง นี่คือขาดการวางแผนการเป็นหนี้ แต่จะหนี้แบบไหน ถ้ามีขึ้นมาแล้วเป็นทุกข์ทั้งนั้น จึงต้องรู้จักยับยั้งชั่งใจ ลดละเลิกความอยากได้อยากมีให้ได้ เพราะหนี้มันเกิดง่ายตามความอยาก ที่ซ้ำร้ายคือสิ่งเย้ายวนมีมากขึ้น เดี๋ยวนี้ใครมีอะไรก็โชว์บนเฟส พอเข้าไปเห็นก็อยากได้ อยากไปเที่ยวบ้าง อยากกินบ้าง …

เราควรขายกองทุนรวมเมื่อใด

หลายท่านที่ลงทุนด้วยตนเองผ่านหุ้น หรืออาจจะใช้วิธีลงทุนผ่านกองทุนรวมมักจะมีคำถามเสมอว่า เมื่อไรควรซื้อกองทุน เมื่อไรควรขายกองทุน วันนี้ได้พบข้อเขียนดีๆจากพี่ตู่ วรวรรณ  ธาราภูมิ จึงได้นำมาฝากทุกท่านครับ เราควรขายกองทุนรวมเมื่อใด ———————————– มีคนถามกันบ่อยมากว่าเมื่อไหร่ที่เขาควรจะขายกองทุน หรือจะให้ถือกองทุนไปจนชั่วฟ้าดินสลาย บางคนบอกว่าต้องการขายเพราะผลการดำเนินงานตอนนี้แย่ บางคนบอกว่าแม้ผลการดำเนินงานดีแต่เบื่อแล้วอยากเปลี่ยนกองไปซื้อของ บลจ. อื่นบ้าง บางคนก็ขายกองทุนประเภทหนึ่งเพื่อไปซื้อกองทุนประเภทอื่นที่กำลังฮิต เมื่อเราถามไปยัง บลจ. ที่เราซื้อกองทุนนี้ เขามักจะตอบว่า “ไม่ควรขาย หากคุณมีการกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์หลากประเภทอย่างเหมาะสมแล้ว เพราะว่าแม้กองทุนหุ้นจะไม่ดีในช่วงนี้ แต่กองทุนประเภทอื่นๆ ยังดีอยู่ และโดยรวมแล้วพอร์ตการลงทุนของคุณให้ผลตอบแทนที่ดีพอเหมาะกับความเสี่ยงที่คุณยอมรับ” ที่เขาตอบเช่นนั้นมันไม่ได้ผิด แต่ปัญหาก็คือคนไทยไม่ค่อยลงทุนระยะยาวในกองทุนหุ้น เราจึงขายกองทุนออกเป็นครั้งคราว บางคนขายกองทุนหุ้นที่มีมูลค่า NAV ลดลงจาก 10 บาทต่อหน่วย แล้วไปซื้อกองทุนหุ้นเหมือนกันในราคา 4 บาทต่อหน่วยเพราะคิดผิดไปว่ามันถูกกว่า บางคนก็ขายแล้วเอาเงินไปซื้อกองทุนตราสารหนี้ หรือไม่กลับมาในกองทุนใดใดอีกเลยเพราะเข็ดแล้ว คำถามที่ควรถามตนเองก็คือ มันเป็นการกระทำที่ฉลาดหรือไม่ที่จะขายกองทุนนี้ ในเวลานี้ คำตอบคือ “ใช่ คุณควรขาย” หากว่ามีเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง ใน 3 ประการข้างล่างนี้เกิดขึ้น …

ผู้ชายซื้อหุ้นจากดาวอังคาร แต่ผู้หญิงฝากเงินบนดาวศุกร์

ผู้ชายซื้อหุ้นจากดาวอังคาร แต่ผู้หญิงฝากเงินบนดาวศุกร์ ——————————————————————– เรามักได้ยินกันอยู่บ่อยๆ ว่าผู้ชายรักความเสี่ยง ส่วนผู้หญิงจะขี้กลัว ระมัดระวังและต้องการความปลอดภัย ซึ่งความเชื่อเหล่านี้ถูกเผยแพร่ผ่านสื่อต่างๆ รวมทั้งเป็นความเห็นจากหลายๆ บุคคล มีบทความที่ถูกตีพิมพ์ในสวิสเซอร์แลนด์ ชื่อ “Men buy shares from Mars and women have a savings account on Venus” (ผู้ชายซื้อหุ้นจากดาวอังคารแต่ผู้หญิงฝากเงินบนดาวศุกร์) นี่เป็นชื่อที่ปรับแต่งมาจากหนังสือดั้งเดิมชื่อ “Men from Mars, Women from Venus” ซึ่งสะท้อนความแตกต่างระหว่างพฤติกรรมการลงทุนของผู้ชายและผู้หญิง และสะท้อนความขบขันที่มีต่อผู้หญิงด้วยความเข้าใจว่า “ผู้หญิงไม่มีทางมีพฤติกรรมแปลกไปจากความเป็นผู้หญิงๆ ที่สังคมเชื่อกัน” แม้แต่ คริสติน ชมิท์ด (เครดิตสวิส) ก็ยังให้ความเห็นว่า วินัยทางการเงินผันแปรตามความแตกต่างทางสังคมระหว่างชายและหญิง และมีผู้หญิงจำนวนน้อยกว่าเมื่อเทียบกับผู้ชายที่ไปสมัครงานเป็นนักวิจัยทางการเงินหรือโบรกเกอร์ เขาเชื่อว่า …“ผู้หญิงยังคงนิยมไปยังที่ที่มีผู้หญิงคนอื่นๆ ไปกัน แต่เขาก็หวังว่าความคิดเหล่านี้จะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป” แต่ถ้าคริสติน ชมิดท์ …

7 เคล็ดลับทำให้คุณมีรายได้มากกว่าคนอีก 90%

ข้อคิดจากคุณบอย วิสูตร ผู้เขียนหนังสือขายดีหลายเล่ม “บนท้องฟ้า รถไม่เคยติด” “มองไกลบนไหล่ยักษ์” “หนังยางล้างใจ” และอื่นๆอีกหลายเล่ม หากคุณต้องการมีรายได้ คุณต้องปฏิบัติตัวตาม 7 ข้อ ดังนี้ 1. เห็นคุณค่าของตัวเอง ลองคิดรายได้ของเราต่อชั่วโมง และถามตัวเองว่าเราคู่ควรหรือไม่ ลองทบทวนดูว่า เราแปะป้าย     หรือมองตัวเองแย่ๆ ในเรื่องไหนอยู่หรือเปล่าจงเอาเรื่องแย่ๆ ออกไป 2. ค้นหาว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้รายได้น้อย เลิกโทษคนอื่น และรับผิดชอบตัวเอง ถามตัวเองดูว่า เรารายได้น้อย หรือเรามีความสามารถน้อย 3. ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ทุกๆวินาที     4. ทำในสิ่งที่เรารัก และมีคนต้องการ 5. เปลี่ยนสิ่งแวดล้อม คนที่คุณคบ เรื่องที่คุณคุย ที่อยู่ ถ้าเปลี่ยนไม่ได้ ก็ต้องหาคนรู้จักกลุ่มใหม่ๆ เพิ่ม เพื่อให้เกิด     ความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ …

ถ้าบัญชีไม่มีการเคลื่อนไหว จะเกิดอะไรขึ้น

ตอนสมัครที่ครูแชมป์ยังเรียนอยู่ในระดับอุดมศึกษา น้าได้โทรมาบอกให้เปิดบัญชีออมทรัพย์เพื่อจะใช้ทำธุรกรรม แต่พอเสร็จภารกิจก็มียอดเงินค้างอยู่ในนั้นประมาณ 700 บาท จวบจนกระทั้งเวลาผ่านไป เลยลองเอาสมุดบัญชีเงินฝากไปปรับยอดดูตกใจตาถลน จากที่เคยคิดว่าเราคงได้ดอกเบี้ยทบต้น ก็กลับกลายเป็นว่า ธนาคารตัดเงินเดือนละ 50 บาท ทุกเดือน จนเงินหมด แล้วก็ทำการปิดบัญชี ตอนนั้นทั้งโมโห ทั้งเสียดาย เพราะจู่ๆเงินของเรากลับมาหายไปโดยไม่มีใครบอก แถมหายไปแบบถูกต้องตามข้อตกลงอีกด้วย เมื่อไปถามผู้รู้ เค้าก็หัวเราะแล้วบอกว่า “มันเป็นค่ารักษาบัญชีเงินฝาก กรณีไม่เคลื่อนไหวเกินกว่าระยะเวลา และยอดคงเหลือต่ำกว่าที่กำหนด” ซึ่งธนาคารพาณิชย์ทุกธนาคารมีการกำหนดไว้ และมีการประกาศจากธนาคารแห่งประเทศไทยด้วย   จากบทเรียนดังกล่าว ทำให้ครูแชมป์ดูแลบัญชีเงินฝากทุกธนาคารมากขึ้น แม้ว่าจะน้อยก็ตาม เพราะความรู้สึกเสียดายมันยังค้างคาอยู่ในใจ ดอกเบี้ยขึ้นที่ละหน่วยสตางค์ต่อปี แต่เวลาตัดค่ารักษาบัญชีคิด 50 บาท ต่อเดือน บางครั้งใช้วิธีฝากเข้า ถอนออก กดออกแล้วเอาไปฝากเข้าเลย เพื่อให้มีการเคลื่อนไหวตามข้อตกลง (ก็ไม่ผิดนะครับ 55) ปัจจุบัน ธนาคารส่วนใหญ่จะกำหนดว่า จะต้องมีการเคลื่อนไหว 12 เดือน และมียอดเงินคงเหลือไม่ต่ำกว่า 2,000 บาท …

9 วิธีรวยได้โดยไม่ต้องรอถูกหวย

ใครๆก็อยากรวย แต่การรวยมักจะถูกจินตนาการว่า ต้องรวยแบบเร็วๆ แต่เรากลับไม่ได้ย้อนไปมองพฤติกรรมการหารายได้ และรายจ่ายของเราเลย วันนี้หลังจากคุมสอบเสร็จ เลยมานั่งฟังอะไรเพลินๆ ได้มีโอกาสฟังแนวความรู้ 9 วิธีรวยได้โดยไม่ต้องรอถูกหวย ของคุณโจ มณฑาณี ผู้ซึ่งเคยพบวิกฤติทางการเงินมาแล้ว จนวันนี้ได้เป็นผู้แนะนำทางการเงินที่มีชื่อเสียง มาดูว่าไม่ต้องรอถูกหวยอย่างไรครับ 1. กิน – อยู่ ให้ต่ำกว่าฐานะ (ใช้จ่ายเพียงร้อยละ 80) 2. ฝึกออมก่อน ที่เหลือค่อยใช้ (รายได้ – เงินออม = รายจ่าย) 3. แยกแยะให้ได้ ระหว่างอยากได้ กับจำเป็น (จำเป็นคือไม่มีแล้วตาย ถ้าอยากได้อะไรก็ลองทิ้งระยะดูว่าอยากได้จริงไหมสัก 7 วัน แต่ 7 วันแล้วอยากได้จริงๆ ให้ใช้ แต่ห้ามเกินร้อยละ 10 ของรายได้)