ความน่าปวดหัวของการกระจายลงทุน (Diversification)

580830มีหลายท่านอาจได้อ่านบทความจากหนังสือหลายเล่ม มักจะมีการพูดว่าอย่าใส่ไข่ไว้ในตะกร้าใบเดียว เพราะถ้าตะกร้าหลุดมือไปไข่ในนั้นก็จะแตกหมด (อดกัน) วันนี้พี่ตู่ วรวรรณ ได้เขียนบทความที่น่าสนใจ เงินงอกเงย จึงขอนำมาเสนอให้ทุกท่านดังนี้ครับ

 

ความน่าปวดหัวของการกระจายลงทุน (Diversification)

มันน่าดีใจที่วันนี้มีคนจำนวนมากขึ้นที่ถามว่าจะจัดพอร์ตอย่างไร จากเดิมที่ถามเพียงว่า “ปีนี้จะลงทุนอะไรดี” โดยก่อนหน้านั้นก็ชอบคาดคั้นว่า “ไม่ต้องอธิบายอะไรยืดยาวเลย เสียเวลาฟัง บอกมาว่าตัวไหน ขอ 3 ตัวก็พอ”
จะเห็นได้ชัดว่าผู้ลงทุนมีพัฒนาการของตนอย่างต่อเนื่อง และน่าดีใจที่สุดที่วันนี้เริ่มมีคนถามว่า จะกระจายการลงทุนอย่างไร มึนไปหมดแล้ว เพราะมันเยอะ
ในอดีตนั้นเราจะเลือกจัดพอร์ตลงทุนของตนเอง โดยมองไปที่ 4 กลุ่ม คือ 1. หุ้น 2. เงินสดกับตราสารหนี้ 3. อสังหาริมทรัพย์ และ 4. ทองคำ …. เพื่อจัดสรรสัดส่วนเงินลงทุนของเราไปใน Asset Class ทั้ง 4 ว่าแต่ละกลุ่มจะลงทุนในสัดส่วนกี่ % นี่ แค่นี้ก็พอแล้ว

แต่วันนี้มันมีทางเลือก “มากเกิ๊นนนน !” (ทำเสียงสูง) ผู้ลงทุนที่ไม่เข้าใจการลงทุนอย่างลึกซึ้งจึงปวดหัว ตัวอย่างเช่น ….
เรามีทางเลือกในมิติของ Asset Class ซึ่งนอกจาก 4 กลุ่มที่กล่าวถึงข้างต้นแล้ว มันยังมีเพิ่มมากขึ้น
เรามีทางเลือกในมิติของ Active Funds / Passive Funds (Index funds / ETFs) / กองทุนปิด / กองทุนเปิด / Term Funds / การออมในหุ้นโดยตรง / การผ่อนทองคำ / หุ้นขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ / Value Stocks / Growth Stocks / Momentum / High Yield Bond / Junk Bonds / Treasuries / Corporate / Liquid Alternatives / REITs / Private Equity / โครงสร้างพื้นฐาน / Commodities / Currency Hedged หรือจะ Unhedged … บลาๆๆ
เท่านั้นยังไม่พอ … ยังมีมิติของภูมิศาสตร์อีกต่างหาก เช่น Emerging Market / Developed Market / Frontier Market / BRICs / TIPs ฯลฯ

เมื่อศึกษาการจัดพอร์ตลงทุนแบบ Diversification จากค่ายต่างประเทศ ก็พบว่ามี “แมงโม้” มากกว่าบ้านเราโข เพราะต่างคนต่างบอกว่าเขามีสูตรการจัดพอร์ตแบบกระจายการลงทุนที่ดีที่สุด ให้ผลตอบแทนสูงที่สุด ภายใต้ความเสี่ยงที่ต่ำที่สุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่ต่ำที่สุด และใช้เทคนิคการบริหารความเสี่ยงที่เจ๋งที่สุดในสามโลกอีกด้วย ! (อาการนี้คือการกิน Math เป็นอาหารหลัก) ซึ่งทุกอย่างถูก Present ด้วยสไลด์ที่สวยงาม ด้วยการประชุมผ่านเทเลคอนเฟอเรนซ์ที่ทันสมัย หรือด้วยการบรรยายบนเวทีที่ผู้บรรยายฝึกฝนท่าทีการใช้มือไม้ให้ดูดี ดูน่าเชื่อถือ และดูเป็นดารา น่าตื่นตาตื่นใจไปด้วยแสงสีเสียงบนเวที …. จนเหมือนเราไปดูละครดีๆ สักเรื่อง

แล้วผู้ลงทุนจะเลือกได้อย่างไร ระหว่าง
1. Products ที่ดีที่สุดจากผู้แนะนำการลงทุนที่ดูดีที่สุด กับ
2. สิ่งที่เหมาะสมและ Make Sense ที่สุด
.
วรวรรณ ธาราภูมิ CEO บลจ.บัวหลวง(BBLAM)
24 มกราคม 2560

Comments

comments