Currently browsing category

ทุนความรู้

แบงค์ในเมืองไทยเอาเปรียบผู้บริโภคเรื่องส่วนต่างดอกเบี้ยจริงไหม

แบงค์ในเมืองไทยเอาเปรียบผู้บริโภคเรื่องส่วนต่างดอกเบี้ยจริงไหม ——————————————————————————- วรวรรณ ธาราภูมิ ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย 11 มิถุนายน 2559 (หมายเหตุ : ข้อมูลตัวเลขสัดส่วนเงินฝาก สินเชื่อ อะไรต่างๆ ในนี้ เป็นตัวเลขสมมติ ที่นำมาเขียนนำเสนอแนวคิดของที่มาของคำว่า “ส่วนต่างดอกเบี้ย” เท่านั้น หากท่านใดสนใจจะหาตัวเลขจริงให้ไปดูที่เวบไซท์ ธปท) กำลังเป็นคำถาม คำติเตียน ไปทั่วทิศ ว่าแบงค์บ่านเราทำไมเอาเปรียบผู้บริโภคกันมาก เพราะอัตราดอกเบี้ยด้านฝากเงินมันนิดเดียว แต่ด้านกู้มันห่างกันเยอะ แบงค์จะเอาเปรียบกันไปถึงไหน อย่างออมทรัพย์ตอนนี้ให้อัตราดอกเบี้ย 0.50% ต่อปี (ธนาคารขนาดใหญ่ให้ประมาณนี้ แต่ที่ขนาดย่อมลงมาเขาให้ต่ำกว่า) แต่อัตราดอกเบี้ยด้านกู้กลับสูงกว่ามาก เช่น MRR ซึ่งเป็นอัตรากู้สินเชื่อบ้านสำหรับรายย่อยชั้นดีอยู่ระหว่าง 6.75% ถึง 8.00% ต่อปี ขึ้นกับแต่ละธนาคาร ส่วนสินเชื่อส่วนบุคคลพวก Personal Loans หรือบัตรเครดิตซึ่งไม่มีหลักทรัพย์อะไรมาค้ำประกัน เป็น 18.00% ถึง 20.00% ต่อปี …

ตราสารอนุพันธ์หุ้น Warrant

เป็นเครื่องมือในการประกันความเสี่ยง คือราคาขึ้น – ลง ของหุ้นแต่ละตัว แต่มีนักลงทุนบางส่วนใช้เป็นเครื่องมือในการทำกำไรรายวัน อนุพันธ์ (Derivatives) ที่ซื้อขายในประเทศไทยมี 2 ประเภท คือ ฟิวเจอร์ส (Futures) หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และออปชัน (Options) หรือสัญญาใช้สิทธิ ซึ่งจุดเด่นของอนุพันธ์คือ มีโอกาสได้กำไรสูงมาก ขณะเดียวกันก็มีโอกาสขาดทุนสูงมากเช่นกัน ดังนั้น ก่อนลงทุนในอนุพันธ์ คุณควรถามตัวเองก่อนว่าสามารถรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน มีเวลาติดตามราคาอนุพันธ์มากน้อยเพียงใด ที่สำคัญ ต้องศึกษาถึงลักษณะและขั้นตอนการลงทุนในอนุพันธ์ให้เข้าใจดีเสียก่อน ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.set.or.th/education/th/begin/derivatives.html มาค้นหาตัวเอง ว่าคุณเหมาะกับการลงทุนประเภทใด

forex คืออะไร

Forex (Foreign Exchange)  คือ อะไร เป็นตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราสากล หรือ Foreign Exchange Market จะเรียกโดยย่อว่า FOREX บางคนอาจกล่าวว่า เป็นการเล่นกับค่าเงินนั้นเอง มีคนเขียนหนังสือว่า forex เป็นเครื่องมือที่สร้างเงินได้เร็วและแรง แต่ก็มีคนบอกว่า อาจเสี่ยงต่อการขาดทุนได้เร็วและแรงเช่นเดียวกัน มาค้นหาตัวเอง ว่าคุณเหมาะกับการลงทุนประเภทใด

ตราสารอนุพันธ์สินค้าโภคภัณฑ์

ตราสารอนุพันธ์สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity Derivatives) เป็นกลุ่มสินทรัพย์เพื่อการลงทุนในวัตถุดิบต่างๆที่นำมาผลิตสินค้าอุปโภค บริโภค โดยแบ่งออกเป็น สินค้าเกษตร เช่น ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง กาแฟ ถั่วเหลือง ปาล์มน้ำมัน ฯลฯ สินค้าประเภทโลหะมีค่า เช่น ทองคำ เงิน ทองแดง ดีบุก อลูมิเนียม ฯลฯ สินค้าประเภทพลังงาน เช่น น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน ฯลฯ ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.start-to-invest.com/webedu/Wcbc5a830539a4.html มาค้นหาตัวเอง ว่าคุณเหมาะกับการลงทุนประเภทใด

หุ้นเน้นมูลค่า (หุ้น value investing , VI )

หุ้นเน้นมูลค่า (หุ้น value investing , VI ) เป็นผู้ลงทุนหุ้นที่มีการซื้อขายไม่บ่อย มีการวิเคราะห์บัญชีของบริษัท คำนวณหาราคาที่เหมาะสม มีการอ่านผลประกอบการ กลุ่มนี้จะถือเป็นระยะเวลายาว และจะขายเมื่อถึงจุดที่เห็นว่าควรขาย ผู้ลงทุนประเภทนี้ต้องทุนเยอะ ใจเย็น และมีความรอบคอบ ครับ มาค้นหาตัวเอง ว่าคุณเหมาะกับการลงทุนประเภทใด

หุ้นปันผล

หุ้นปันผล คือการที่เราไปซื้อหุ้นผ่านบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ แล้วหุ้นบริษัทที่เราถือนั้นมีการปันผลกำไรออกมาเป็นเงิน หรือ เป็นหุ้น โดยจะต้องมีการหักภาษี ณ ที่จ่าย หลายคนเรียกหุ้นแนวนี้ว่า หุ้นห่านทองคำ เพราะจะค่อยๆทยอยออกไข่ออกมาให้เราได้ชื่นใจ แต่อย่าลืมว่า เมื่อปันผลแล้ว ราคาหุ้นก็จะตกลงมาเท่ากับมูลค่าที่ปันผลออกมา และต้องเสียภาษีด้วยนะครับ มาค้นหาตัวเอง ว่าคุณเหมาะกับการลงทุนประเภทใด

กองทุนรวมหุ้น

กองทุนรวมหุ้น หรือกองทุนรวมตราสารตลาดทุน เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้น โดยมีผู้ดูแลจัดการหาจังหวะลงทุนให้กับเรา กองทุนรวมหุ้นมีแบบที่จ่ายปันผล และไม่จ่ายปันผล บางท่านจะชอบเงินปันผลระหว่างกาล นำเงินมาใช้จ่าย หรือนำมาซื้อเพิ่มเข้าไป ส่วนบางท่านก็บอกว่า ในเมื่อต้องการซื้อเพิ่ม ควรจะซื้อแบบไม่มีปันผล เพราะมูลค่าก็จะถูกนำไปรวมในหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ และไม่ต้องเสียภาษีจากการได้รับปันผลอีกด้วย กองทุนประเภทนี้จะมีความเสี่ยงตั้งแต่ระดับ 5 ขึ้นไป มาค้นหาตัวเอง ว่าคุณเหมาะกับการลงทุนประเภทใด

กองทุนอสังหาริมทรัพย์

กองทุนอสังหาริมทรัพย์ เป็นเครื่องมือที่ตอบสนองคนที่อยากมีอาคารไว้คอยเป็นค่าเช่า แต่ไม่ต้องไปดูแลกิจการ แก้ไขปัญหาต่างๆ โดยแบ่งออกเป็นแบบสิทธิ์การเช่า และแบบเจ้าของ โดยข้อมูลของ กลต. บอกไว้ดังนี้ 1. ซื้อเพื่อปล่อยเช่า  เป็นการลงทุนในระยะยาว เพื่อเก็บเกี่ยวผลตอบแทนที่จะได้รับอย่างต่อเนื่องจากค่าเช่าเป็นงวด ๆ เช่น บ้านเช่า ห้องเช่า โกดังสินค้า ฯลฯ ซึ่งเหมาะกับผู้ลงทุนที่ต้องการได้รับรายได้ประจำ เช่น ผู้ที่เกษียณอายุงานแล้ว โดยที่ผู้ลงทุนอาจใช้เงินทุน ของตนเองเพียงบางส่วนจ่ายเป็นเงินดาวน์ ส่วนที่เหลือสามารถขอกู้จากธนาคาร (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผลการพิจารณาสินเชื่อของแต่ละ ธนาคาร) และนำเงินรายได้จากค่าเช่ามาผ่อนชำระธนาคารได้ แต่การลงทุนในลักษณะนี้ก็มีข้อยุ่งยากหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของภาระในการบริหารจัดการ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาและซ่อมแซมอสังหาริมทรัพย์ให้อยู่ในสภาพดี อีกทั้งยังมี ความเสี่ยงหากไม่มีผู้เช่า หรือผู้เช่ามีพฤติกรรมไม่ดี ค้างชำระค่าเช่า เป็นต้น      2. ซื้อเพื่อเก็งกำไร  เป็นการลงทุนในระยะสั้น ในกรณีนี้ผู้ลงทุนจะเข้าไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาต่ำกว่าที่ควรจะเป็น หรืออยู่ใน ทำเลที่มีศักยภาพเป็นที่ต้องการของตลาด โดยคาดการณ์ว่าในอนาคตราคาอสังหาริมทรัพย์นั้นจะสูงขึ้น แล้วก็จะขายอสังหาริมทรัพย์ นั้นออกไปเพื่อทำกำไรจากส่วนต่างราคา ซึ่งโดยปกติแล้วผู้ลงทุนจะไม่ทำการปรับปรุงซ่อมแซมอสังหาริมทรัพย์ เว้นแต่เป็นกรณีที่ ผู้ลงทุนตั้งใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ แล้วนำมาตกแต่งใหม่เพื่อเพิ่มมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์นั้นก่อนที่จะขายทำกำไรออกไป อย่างไรก็ดี …

กองทุนรวมตราสารตลาดเงิน

กองทุนรวมตราสารตลาดเงิน เป็นเครื่องเมือที่เหมาะสำหรับพักเงินในระยะเวลาสั้นๆ เพราะมีสภาพคล่อง โดยเมื่อสั่งขายแล้ว จะได้เงินคือ T+1 คือ วันถัดไปของวันทำการ ครูแชมป์ใช้กองทุนรวมตราสารตลาดเงินเป็นเครื่องมือในการเก็บเงินที่จะต้องจ่ายภาษี จ่ายค่าส่วนกลางบ้าน รวมไปถึง เอาไว้สำหรับสับเปลี่ยนเข้าซื้อกองทุนรวมหุ้น หรือ กองทุน RMF เพราะเมื่อเวลาผ่านไป ผลตอบแทนจะดีกว่าบัญชีเงินฝากทั่วไป (มันต่างกันจริงๆนะ) ยิ่งใครใช้ internet banking ยิ่งสะดวกเวลาซื้อขายครับ มาค้นหาตัวเอง ว่าคุณเหมาะกับการลงทุนประเภทใด