พระราชบัญญัติการศึกษาในทัศนะของข้าพเจ้า


 

โดย นางสายชล วนาธรัตน์
นักศึกษาปริญญาโท
สาขาหลักสูตรและการสอน



การปฏิรูปการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 เกิดขึ้นในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงของโลกที่มีการพัฒนาทั้งทางด้านเทคโนโลยี เศรษฐกิจการค้า อย่างรวดเร็ว การแข่งขันทางการค้าที่รุนแรง กับต่างประเทศ และเพื่อไม่ให้ประเทศตกเป็นรองประเทศอื่นไม่ว่าในด้านใดๆก็ตามต้องเป็นผลมาจากประชากรที่มีคุณภาพของประเทศ รู้เท่าทันสังคมโลก ในต่างประเทศก็เช่นกันทุกประเทศต่างก็ต้องปฏิรูปการศึกษาในประเทศของตนให้ทันกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปแล้วทั้งสิ้น
            ประเทศไทยประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ และสังคมมากขึ้นเรื่อยๆ ความพยายามที่จะแก้ปัญหาของชาติด้วยการปฏิรูปการศึกษาจึงเกิดขึ้น เมื่อพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ซึ่งเป็นกฎหมายแม่บททางการศึกษาฉบับแรกมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2542สร้างความตื่นเต้น ความหวังให้กับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นครู นักเรียน ผู้ปกครอง บุคลากรทางการศึกษา หรือแม้แต่ประชาชนทั่วไปก็ตาม เวลาผ่านไปเกือบ 6 ปีที่ผ่านมาเมื่อย้อนมองกลับไปดู หลายๆฝ่ายมีความเห็นตรงกันว่าการปฏิรูปการศึกษาไม่บรรลุเป้าหมายเท่าที่ควร ยังคงมีปัญหาอุปสรรค ความคลุมเครือ ความล่าช้า และขาดการประสานงานที่ดี ซึ่งที่ผ่านมาเราพอจะสรุปเป็นปัญหาได้ดังนี้
            1. กระทรวงศึกษาธิการเปรียบเหมือนนาวาลำใหญ่ เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลง ยุบ ย้าย จึงเป็นไปด้วยความล่าช้า และไม่ลงตัว ตัวอย่างเช่นการรวมสำนักงานการประถมศึกษาและกรมสามัญศึกษา เป็นสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน การวางตัวบุคคลในตำแหน่ง การประสาน ดำเนินงานที่ต่างวัฒนธรรม ต้องมารวมกันย่อมต้องอาศัยเวลาในการสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกันผลที่ตามมาคือความล่าช้าของการประสานงานกับโรงเรียน และการดูแลติดตามในงานที่รับผิดชอบ
            2. ในการจัดการเรียนการสอนที่ต้องจัดโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ส่งเสริมความเสมอภาคทางการศึกษา เมืองไทยนำแนวการจัดการศึกษามาจากต่างประเทศ ( สหรัฐอเมริกา) ซึ่งประชาชนของเรามีทัศนคติ วัฒนธรรม ที่ต่างกันอย่างมาก การจัดการเรียนการสอนจึงเป็นการเรียนรู้ที่ไม่ได้มาจากการศึกษาคุณลักษณะ รากเหง้าที่แท้จริงของความเป็นไทย นักการศึกษาพยายามนำเสนอวิธีการสอนในแบบต่างๆ ซึ่งครูก็พยายามที่จะเรียนรู้และทำตามแต่ยังไม่ทันจะจัดการสอนในแบบแรกได้ดี ก็มีการนำเสนอการจัดการเรียนการสอนแบบใหม่ที่ เชื่อว่า ดีกว่า เป็นอย่างนี้โดยตลอด การจัดการเรียนการสอนในยุคนี้ในทัศนคติของข้าพเจ้าขอให้คำความหมายสั้นๆว่า “ ฟุ่มเฟือย ” ทั้งครูและ นักเรียน ใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลืองเพื่อให้ได้มาซึ่งหลักฐาน ร่องรอยของการเรียนการสอน ในรูปของสื่อและแฟ้มสะสมงาน มีการใช้กระดาษ แฟ้ม แผ่นฟิวเจอร์บอร์ด วัสดุสำนักงาน ฯลฯ กันอย่างมากมายมหาศาลในยุคแห่งการปฏิรูปการศึกษา
            3. ในฐานะของคนเป็นครู ไม่เคยเห็นว่าครูในยุคใดจะได้รับการบีบคั้น กดดัน เท่ากับยุคแห่งการปฏิรูป
การศึกษา ครูแก่ๆที่เห็นว่าไร้ประสิทธิภาพ ไม่ก้าวหน้าไม่ทันสมัย เป็นความผิดของครูเหล่านั้น
หรือที่เขาเกิดก่อนยุคคอมพิวเตอร์ เราตัดสินว่าเด็กอายุ 10 ปีสามารถส่งE-mailได้นั้น เก่งกว่าครู
แก่อายุ50 –60ปีที่กลัวแม้แต่จะเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ ทำไมจึงไม่มีการมองถึงคุณความดีที่ครูแก่ๆ
ได้ทำไว้เมื่อ 20-30ปีก่อนหน้านี้
คงยังมีปัญหามากกว่านี้ ถ้าเราได้วิเคราะห์ไปในแต่ละด้าน แล้วสิ่งใดจะเป็นหนทางแห่งการนำไปสู่การปฏิรูปการศึกษาที่บรรลุวัตถุประสงค์ เรามักได้ยินคำว่า เราเดินตามหลังประเทศนั้น20 ปีประเทศนี้ 50 ปี ตราบใดที่เรายังเลือกที่จะเอาอย่าง การจัดการศึกษาของประเทศอื่นคัดลอกแบบมาโดยไม่คำนึงถึงความพร้อมของเยาวชนไทย เป็นธรรมดาที่เราต้องตามหลังประเทศเหล่านั้นอยู่ดี
            เราลองมาหยุดวิ่งตามต่างชาติ พร้อมให้คนไทยช่วยกันคิดระบบวิธีการจัดการศึกษาของชาติ ไม่ว่าจะเป็นครู ผู้ปกครอง ชุมชน ให้มีวาระแห่งชาติที่จะประมวลรูปแบบแนวทางการจัดการเรียนการสอนของคนไทย โดยไม่ต้องอาศัยอ้างอิงนักการศึกษาต่างประเทศ ข้าพเจ้าเชื่อว่าด้วยความสามารถของคนไทย จัดการศึกษา จัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับวัฒนธรรม ค่านิยมไทย ค้นหาภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างจริงจัง ส่งเสริมคนมีความสามารถพร้อมที่จะถ่ายทอดความรู้ ไม่ว่าจะทำงานสาขาอาชีพใดก็ตาม ข้าพเจ้าเชื่อว่าเราจะต้องวิ่งแซงหน้านานาประเทศในเร็ววัน
 

ร่วมสนับสนุนเรา โดยการทำ link มาหาเรานะครับ เฟอร์นิเจอร์ไม้สัก พรมลายน่ารัก มะขาม ขนมจีน ข้อสอบ o-net a-net สอบบรรจุครู

     มะขาม

[หน้าแรก] [รวมสาระ] [webboard]   counter power by seal2th