ของขวัญในวันแม่
วันนี้ได้อ่านข้อคิดเกี่ยวกับการวางแผนการออมของคนไทย เพราะเรากำลังจะก้าวไปเป็นสังคมผู้สูงอายุแล้ว ซึ่งพี่ตู่ วรวรรณ ธาราภูมิ ได้เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้อย่างน่าสนใจ ใครอยากให้การออม เป็นของขวัญของแม่ หรือของตัวเองในอนาคต ลองติดตามอ่านได้นะครับ
ของขวัญในวันแม่
วรวรรณ ธาราภูมิ CEO กองทุนบัวหลวง
12 สิงหาคม 2558
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรในปัจจุบันทําให้ไทยกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุไปแล้ว (สังคมผู้สูงอายุคือสังคมที่มีคนอายุ 60 ปีขึ้นไป เกิน 10% ของจํานวนประชากร) …. น่าเป็นห่วงต่อการดํารงชีพของผู้สูงวัยมาก เพราะจากการสำรวจโดยแบบสอบถาม พบว่า
6.4% ไม่มีการวางแผนการออม
23.3% ไม่มีการวางแผนอาชีพ/กิจกรรมหลังเกษียณ
15.9% ไม่มีการเตรียมการเรื่องสุขภาพในวัยชรา
14.4% ยังไม่ได้เตรียมการพึ่งตนเองด้านที่อยู่อาศัย
จากนี้ต่อไป สัดส่วนคนชราจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ อีกหลายสิบปี กว่าธรรมชาติจะเรียกร้องให้กลับสู่สมดุลย์
เมื่อเป็นอย่างนี้ ในแง่ประเทศชาติจึงน่าห่วง เพราะคนมีแนวโน้มมีบุตรน้อยลง และไม่ยอมมีบุตร ทำให้แรงงานในอนาคตลดลง รายได้ภาครัฐจากภาษีก็จะลดลง คอร์รัปชั่นก็เพิ่มขึ้น แล้วจะเหลืออะไรให้ใช้ในอนาคต
1. บทบาทของภาครัฐที่เข้ามาช่วยดูแลคนกลุ่มนี้เพียงพอหรือยัง
ที่จริงแล้วเท่าไหร่ก็ไม่พอ และอันตรายเกินไปทั้งต่อตัวเรากับงบประมาณประเทศโดยรวมที่จะวางอนาคตของเราทุกอย่างไว้ในมือรัฐ
ตัวอย่างเช่น กรณีชายชราชาวกรีก วัย 77 ปี
ชายคนนี้ชื่อ Dimitris เกษียณอายุแล้ว เขาออกมาประท้วงมาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาลด้วยการยิงตัวตายหน้ารัฐสภาเมื่อ 3-4 ปีก่อน โดยทิ้งจดหมายไว้ ความว่า
“รัฐบาลทำลายล้างทุกอย่างที่จะทำให้ผมไม่อดตายในวัยเกษียณ ทั้งๆ ที่มันเป็นเงินสะสมของผม และสวัสดิการที่ควรได้รับมันก็มาจากการอดออมของผมตั้งแต่อายุ 35 แต่ผมแก่มากแล้ว จึงหมดแรงจะไปต่อต้านด้วยการประท้วง ผมจึงไม่ควรจะมีชีวิตอยู่ต่อไปด้วยการไปกินส่วนที่ลูกหลานควรได้รับ ผมเชื่อว่าในวันหนึ่ง คนรุ่นต่อไปที่ไม่มีอนาคตอะไรอีกแล้วจะช่วยกันจับพวกทรยศเหล่านี้ไปแขวนคอที่จตุรัส Syntagma เหมือนที่ชาวอิตาเลียนเคยทำกับทรราช Mussolini ในปี 2488”
สิ่งที่เกิดขึ้นในกรณีนี้ก็คือ รัฐบาลไม่มีเงินพอจะไปอุ้มคนชรา ประชานิยมและรัฐสวัสดิการที่เคยสัญญาว่าจะให้ ต้องถูกลดทอนไปเพราะหนี้มหาศาลที่ต้องกระเหม็ดกระแหม่ไปใช้คืนเจ้าหนี้
2. สิ่งที่รัฐควรเข้ามาดูแลเพิ่มเติมคืออะไร
ประเทศก็คือบ้านๆ หนึ่ง แต่เป็นครอบครัวหนึ่งที่มีขนาดใหญ่ มีทั้งคนแก่ คนวัยทำงาน คนหนุ่มสาว และเด็กๆ รัฐบาลก็เหมือนพ่อแม่ จึงควรมีการวางแผนครอบครัวเอาไว้
การวางแผนครอบครัวจึงไม่ใช่แค่ว่าจะมีลูกกี่คน และจะอยู่กินกันยังไงเท่านั้น แต่หมายถึงการต้องมี
เงินมีทรัพยากรไว้เลี้ยงดูคนทั้งครอบครัวซึ่งรวมไปทุกช่วงอายุด้วย และหากห่วงคะแนนเสียงก็ขอให้
จำไว้ว่าคนแก่ก็มีสิทธิเลือกตั้ง แต่อย่าไปเบียดเบียนเด็กที่ยังไม่เกิดหรือยังไม่มีสิทธิเลือกตั้งแล้วกัน
สำหรับคนแก่ในวันนี้และในอนาคตอันใกล้ในช่วงปรับตัว รัฐต้องรู้ว่ามีกี่คนที่ตกในภาวะยากจนถึงกับอดหยาก เจ็บป่วย ตรงนี้รัฐต้องรู้ และเข้าไปจัดการด่วน ถือเป็นสวัสดิการสังคมที่เลี่ยงไม่ได้
สำหรับคนแก่ในอนาคต รัฐต้องส่งเสริมทุกคนในวัยทำงานให้เตรียมพร้อมเพื่อช่วยตนเองในวัยชรา ควรบังคับให้ออมเพื่อตนเอง หากตัดคอร์รัปชั่นออกแล้วยังพบว่ารัฐยังไม่มีเงินพอมาช่วยใส่เงินก็ไม่ต้องใส่ แต่เน้นบังคับให้เราต้องออมเพื่อตนเอง และให้มีกระบวนการบริหารจัดการที่ไม่อยู่ในครอบ งำของการเมือง มิฉะนั้นเขาอาจสั่งให้เอาเงินของเราไปลงทุนอะไรที่ไม่สมควรก็ได้
หลายหน่วยงานเรียกร้องเรื่องสัดส่วนคนแก่เพิ่มกันเยอะแต่มีเด็กเกิดใหม่น้อยมาหลายสิบปีแล้ว แต่การสนองตอบของรัฐก็ไม่อยู่ในระดับที่น่าพอใจสักที พอจะมีโครงการอะไรออกมา ก็มีการเมืองเข้ามาวุ่นวายหรือทำให้เสียเรื่อง อย่างไรก็ดี ต้องขอชมเชยที่ยุคนี้รัฐบาล คสช ได้รับลูกเรื่องกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช) ที่รัฐบาลคุณอภิสิทธิ์เป็นผู้ผลักดันจนเกิด และจะให้เริ่มสมัครได้ตั้งแต่ 20 สิงหาคม 2558 นี้
ในเมื่อหลายสิบปียังไม่สำเร็จ ก็ลองใช้วิธีที่สำเร็จได้ใน 9 เดือนเลยไหม นั่นคือ สนับสนุนให้คนมีบุตร และเมื่อการมีบุตรไม่ Popular ก็ต้องหาสาเหตุ หากเป็นเพราะค่าครองชีพ รัฐก็ต้องวางแผนว่าจะทำอย่างไรถึงจะทำให้คนอยากมีบุตร หากเป็นเพราะเรื่องอื่นๆ ก็ต้องหาเหตุ แล้วใช้ ศาสตร์กับศิลป์ทางการตลาดและประชากรศาสตร์มาช่วยบ้าง โดยต้องรู้ล่วงหน้าว่าในอนาคตเราควรมี โครงสร้างประชากรอย่างไรในแต่ละช่วง มีทรัพยากรเลี้ยงดูเท่าไรจนกว่าเด็กๆ ที่จะเกิดใหม่เขาจะโตพอที่จะสร้างผลผลิต
3. การพึ่งพาภาครัฐเพียงอย่างเดียวคงไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการดูแลคนเกษียณให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ คนวัยแรงงานซึ่งเป็นลูกหลานควรทำอย่างไร
ไม่มีอะไรเป็นอาชญากรรมที่น่าเศร้าที่สุดเท่ากับการทอดทิ้งพ่อแก่แม่เฒ่าให้อดหรือป่วยตาย โดยไม่ได้เข้าไปดูแลช่วยเหลือเจือจุน ลูกบางคนบอกว่าเงินเดือนไม่พอให้พ่อแม่ แต่ไปสังสรรค์ ไปซื้อกระเป๋า รองเท้าใหม่ ไปอุดหนุนจุนเจือกกิ๊กหน้าใสๆ ได้เสมอๆ
บางคนเลี้ยงหมาเลี้ยงแมวได้ แต่เลี้ยงพ่อแม่ไม่ได้
แมวป่วย หมาป่วย แทบจะเป็นจะตาย แต่พ่อแม่ที่รักและเลี้ยงดูเรามาตลอด เรากลับทอดทิ้ง
ไม่ต้องถ่อไปไหว้พระ 9 วัด ถ้าพระในบ้านยังไม่กราบไหว้ ไม่ต้องไปตามกรี๊ดดารา ศิลปิน หรือนักการเมือง แต่ทอดทิ้งพ่อแม่ให้หงอยเหงา ทุกข์ทรมานจากโรคภัยโดยลูกไม่เหลียวแล
หากพ่อแม่เราตกอยู่ในภาวะเช่นนี้ เราต้องช่วยท่าน
4. มีคนบ่นว่าแค่ใช้เงินที่หามาให้พอโดยไม่ต้องกวนพ่อแม่ก็ยากแล้ว เพราะข้าวของแพงขึ้นทุกวัน
หากเถียงว่าเราลำบากมากที่จะเจียดเงินให้ท่าน เพราะเรามีลูก เราต้องผ่อนบ้าน รถ ขอให้คิดว่าสมัยที่ท่านอายุเท่าเรา ท่านจะยิ่งลำบากขนาดไหน เพราะคนสมัยก่อนมีลูกหลายคน ท่านไม่ได้เลี้ยงดูเราคนเดียว ทำไมเราที่มีลูกน้อยกว่า หรือไม่มีด้วยซ้ำ จะประคองชีวัตบั้นปลายของท่านไม่ได้
5. คําถามที่หลายคนตั้งขึ้นคงหนีไม่พ้น…แล้วควรจะให้ท่านมากน้อยแค่ไหน
ไม่มีสูตรตายตัว แต่ให้คำนึงถึง
- พ่อแม่ทั้ง 2 ฝั่ง ให้ถือเป็นพ่อแม่ตัว
- ต้องให้ท่านดำรงชีวิตได้ไม่ลำบาก ไม่ทรมาน
- ต้องให้ท่านมีประกันสุขภาพ
- ต้องให้ทรัพย์สินของท่านมีการบริหารจัดการอย่างเหมาะสมด้วย บ่อยครั้งจะพบว่าท่านบริหารจัดการไม่เป็น ไม่มีการทำบัญชีทรัพย์สิน เงินอาจแช่ในบัญชีออมทรัพย์ไว้เฉยๆ
- อย่าปล่อยให้ความเหงาของท่าน หรือการถูกลูกๆ ทอดทิ้ง ทำให้มิจฉาชีพแอบแฝงมาหาประโยชน์ ทุกวันนี้พ่อแม่เชื่อผู้จัดการแบงค์มากกว่าลูก เพราะผู้จัดการแบงค์เขาเข้าถึงตัวท่าน
- หากพ่อแม่เรายังเลี้ยงตัวเองได้อยู่ ยังทำงาน ให้แนะนำเรื่องการจัดการเงินลงทุน เงินออม และประกันสุขภาพไว้แต่เนิ่นๆ
- หากเงินเราไม่พอจะส่งเสียท่านจริงๆ ให้คิดเรื่องนำท่านมาอยู่ด้วย และลองพิจารณาขายบ้านที่ท่านอยู่เพื่อให้ท่านมีเงินทุนไว้รองรัง เรื่องอย่างนี้ฝรั่งทำกันมาก และครอบครัวแบบไทยๆ มีดีที่ความแน่นแฟ้น หากทำได้ ให้อยู่รวม เพราะท่านช่วยดูแลลูกๆ เราได้ เด็กก็อบอุ่นปลอดภัย เวลาเราไปทำงาน ไม่มีผีอีเม้ยมาหลอกมาหลอน ท่านก็ชื่นใจได้รับความไร้เดียงสาของเด็ก
6. คําแนะนําให้กับบรรดาลูกหลานกตัญญู
หากเชื่อเรื่องชาติภพ จงเชื่อว่ากรรมดีๆ จะส่งให้เราและลูกเราดี หากไม่เชื่อเรื่องชาติภพ จงมองมันแบบวิทยาศาสตร์ก็ได้
นั่นก็คือ ชาติก่อนของเราคือพ่อแม่ หากท่านทำดี มันก็ส่งให้เราผู้เป็นลูกหรือชาตินี้ ดีไปด้วย และชาติหน้าของเราคือลูกๆ หากเราทำดีมันก็ทำให้ลูกๆ ดีไปด้วย
นี่เป็นชาติภพในอีกมุมมองหนึ่ง
DNA ของครอบครัวในชาติก่อน มันไหลมายังเราในชาตินี้ และลูกเราในชาติหน้า
ขอขอบพระคุณพี่ตู่คนสวยอย่างสูงครับ